Nabari no Ou

Nabari no Ou
My favorite anime

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Avril Lavigne - When You're Gone




When you're gone
The pieces of my heart are missing you
When you're gone
The face I came to know is missing too
When you're gone
The words I need to hear to always get me through the day and make it ok
I miss you

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

5 อันดับแรกที่คนส่วนใหญ่มักเสียใจที่ไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ ขณะยังที่พวกเขายังแข็งแรงดีอยู่...

 5 อันดับแรกที่คนส่วนใหญ่มักเสียใจที่ไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ ขณะยังที่พวกเขายังแข็งแรงดีอยู่...
1. "ฉันอยากจะมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง แทนที่จะเป็นในแบบที่คนอื่นอยากให้ฉันเป็น"

          นี่เป็นอันดับแรกสุดที่หลายคนปรารถนาอยากให้มันเกิดขึ้นขณะที่พวกเขายังมีกำลังวังชาดี ณ เวลาปัจจุบันที่พวกเขามองย้อนกลับไป จึงได้พบว่ามีหลายความหวังและความฝันที่เขายังไม่มีโอกาสแม้แต่จะเริ่มต้นลงมือทำ พอมานึกได้ตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว เขาไม่มีกำลังเหลือที่จะต่อสู้เพื่อความฝันอีกต่อไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาล้วนแต่วิ่งไล่ตามสิ่งที่คนอื่นอยากเห็นเขาทำ อยากให้เขาเป็น จนลืมไล่ตามความฝันของตัวเอง

          ในหนึ่งชีวิตที่ได้เกิดมานั้น การได้ทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่เราใฝ่ฝันถือว่าสำคัญที่สุด ถึงจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยขอเพียงให้ได้ลงมือทำ เพราะหากละทิ้งปล่อยให้มันผ่านล่วงเลยไปจนวันที่สุขภาพไม่เอื้ออำนวยแล้ว แม้จะอยากไล่ตามความฝันแค่ไหนก็ทำไม่ได้อีกต่อไป


2. "ฉันไม่น่าจะทุ่มเททำแต่งานมากขนาดนั้น"
          คนไข้ชายแทบทุกคนพูดเช่นนี้กับเธอ เพราะผู้ชายพวกนั้นล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัวและรับผิดชอบในการหาเงินมาจุนเจือดูแลสมาชิกในบ้าน เมื่อมองย้อนกลับไปพวกเขาจึงไม่อาจระงับความเสียใจได้ ที่ไม่ได้ใช้เวลากับลูก ๆ และภรรยาให้มากกว่านี้ พวกเขาเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เอาแต่โหมทำงานหนักจนละเลยการใช้เวลากับครอบครัว ...มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเราจะเพิ่มเวลาว่างให้แต่ละวันในชีวิต และใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นกับบุคคลอันเป็นที่รัก มีความสุขในแต่ละวันมากขึ้น และไม่ต้องมานั่งเสียใจเมื่อสายเกินไปแบบนี้ด้วย

3. "ฉันน่าจะได้พูดเรื่องนั้นออกไป"
          คนไข้หลาย  ๆ คนเสียใจที่ตัวเองไม่ได้พูดในสิ่งที่อยากพูดออกมา หลายคนเลือกที่จะสงบปากสงบคำเอาไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ หรือผิดใจกับผู้อื่น จนทำให้อาการป่วยหลาย ๆ อย่างพัฒนาขึ้นมาจากความเครียดที่ต้องเก็บงำสิ่งเหล่านี้เอาไว้นั่นเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงกล่าวได้ว่าผู้ป่วยของเธอไม่ได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริงออกมาเลย

          ไม่ว่าอย่างไร เราก็ไม่สามารถควบคุมความคิดของอีกฝ่ายที่จะมีต่อเราได้ การที่เราได้พูดในสิ่งที่ใจคิดออกไป  แม้อาจทำให้อีกฝ่ายไม่พึงใจ แต่มันก็จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างเรากับบุคคลนั้นไปในทิศทางใหม่ที่ตรงไปตรงมาและจริงใจต่อกัน และคุณเองก็ไม่ต้องอึดอัดใจกับการที่ไม่สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปได้ด้วย


4. "ฉันอยากใช้เวลากับเพื่อนสนิทให้มากกว่านี้"
          หลายครั้งหลายหนนักที่กว่าเราจะเข้าใจความสำคัญและยิ่งใหญ่ของมิตรภาพก็เมื่อเวลาล่วงเลยจนสายเกินไป คนไข้จำนวนไม่น้อยของเธอต่างรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ให้เวลาในการบำรุงรักษามิตรภาพเก่าแก่ของตน ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ยุ่งและเร่งรีบเสียจนเวลาในหนึ่งวันไม่เหลือพอให้คิดถึงสหายที่เคยกอดคอร่วมกันมา แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนถึงช่วงระยะเวลาสุดท้ายของชีวิต หนึ่งในสิ่งที่พวกเขาโหยหามากที่สุดก็คือความรักจากมิตรสหาย อยากพบหน้า อยากพูดคุย อยากใช้เวลาด้วยกันให้มากกว่าที่ผ่านมา


5. "ฉันอยากใช้ชีวิตให้มีความสุขมากกว่านี้"
          คนไข้ที่พูดเช่นนี้หาได้ไม่พอใจในความเป็นอยู่ของชีวิตที่เคยเป็นมา แต่เป็นเพราะว่าเมื่อมองย้อนกลับไป พวกเขากลับพบหนทางมากมายเหลือเกินที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขได้มากกว่าเดิม แต่พวกเขากลับไม่เลือกเดินทางนั้น ที่ผ่านมาพวกเขาใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง กลัวสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตที่เป็นอยู่ให้ต่างไปจากเดิม โดยที่ยังไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลง นั้นจะเป็นไปในทิศทางใด จะดีหรือว่าร้าย ทำให้ชีวิตย่ำอยู่บนกรอบแคบ ๆ อันเดิม กิจวัตรในแต่ละวันคงเดิม ไม่มีความแปลกใหม่ ไม่มีสีสันที่จะทำให้ชีวิตน่าจดจำเลย

      
    ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาเองก็มีสิทธิ์เลือก เลือกทางเลือกที่จะหนีไปให้พ้นความซ้ำซากจำเจนี้ ในใจลึก ๆ แล้วทุกคนก็อยากจะกลับไปหัวเราะให้เต็มเสียงหรือทำตัวไร้สาระบ้าง ซึ่งคงมีเวลาทำมากว่านี้ ถ้าไม่มานึกได้เมื่อสายเกินไป

          จากทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมานี้ ดู ๆ แล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็คิดได้ แต่คงด้วยความเป็นเรื่องธรรมดา ๆ นี่เอง หลายคนจึงได้มองข้ามมันไป เพราะคิดว่าทำเมื่อไรก็ได้ แต่คำว่าเมื่อไรนั้นก็มีจุดสิ้นสุดเช่นกัน และเมื่อมันสิ้นสุดลงในวันที่กายของเราทรุดโทรม ไร้กำลังทำสิ่งใด ๆ ได้แต่ปล่อยเวลาที่เหลือไปกับการคิด คิดถึงสิ่งที่อยากจะทำ แต่ยังไม่เคยได้ทำ และคงสายเกินไปแล้วที่จะทำ
 
          อย่าลืมว่าชีวิตที่เกิดมานี้คุณเป็นคนเลือกและกำหนดได้เอง เพราะฉะนั้นขอให้เลือกอย่างมีสติ เลือกอย่างฉลาด เลือกอย่างจริงใจต่อตนเอง แล้วก็ขอให้เลือกที่จะมีความสุข... ที่สำคัญเลือกและลงมือทำก่อนที่เวลาจะสายเกินไปนะ

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โสดอย่างมีความสุข

โสดอย่างมีความสุข


14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์
กลายเป็นวันที่ทำให้คนนึกถึงความรัก

พูดถึงความรัก อันดับแรก ทั่วไปมักจะนึกถึงความรักแบบหนุ่มสาว
รักแบบคู่รัก  ใครไม่มีแฟน ไม่มีคู่ก็อาจจะเหงาๆหน่อย
เมื่อถึงวันนี้ขึ้นมา

แต่คิดดูให้ดี อยู่เป็นโสด หรือ อยู่แบบตัวคนเดียว
ก็ไม่ได้แห้งเหี่ยวหัวโตเสมอไป

มีข้อคิดดีๆ กับการอยู่แบบไม่มีคู่อย่างมีความสุขมากมาย
ลองมาพิจารณาดู

ถ้าไม่มีใครรัก...ก็หันมารักตัวเองบ้าง
โสดอย่างมีความสุข ย่อมดีกว่า มีคู่อย่างมีความทุกข์ 

ข้อนี้ชัดเจนในตัวไม่ต้องขยายความ

เริ่มจากเรียนรู้ใจของตัวเองก่อนว่า เป็นเช่นไร ดีหรือร้าย..
ชอบอะไร...ทำอะไรได้บ้าง.. เปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง..
เมื่อรู้ใจตนแล้ว ก็ลองแอบเรียนรู้ใจของคนอื่นบ้างว่าเป็นเช่นไร
เหมือนหรือต่างจากเราอย่างไร ทำอย่างไรเราถึงจะเข้าใจเขา
ทำอย่างไรถึงจะทำให้เขาเข้าใจเรา

เรียนแล้วจะทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักคนอื่นมากขึ้น
อยู่คนเดียวอย่างมีความสุข
และสามารถอยู่ร่วมกันคนอื่นอย่างมีความสุขด้วย

การจะอยู่เป็นโสด หรือมีคู่เป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้
การมีความรักหรือได้รักใครสักคน
ที่นอกเหนือจากคนในครอบครัวและเพื่อน
เป็นเรื่องสวยงาม....
แต่เมื่อมองเห็นหรือผ่านความรักมาหลายครั้งหลายหน
คงทำให้เราเตรียมใจที่จะ "รัก" อย่างระมัดระวังมากขึ้น



การคบหากันระหว่างคนสองคนมีปัจจัยหลายอย่าง
ยิ่งโตเป็นผู้ใหญ่การมีความรักแต่ละครั้งยิ่งต้องตัดสินใจให้มากขึ้น

ปัจจุบันนี้การแต่งงานไม่ใช่เป็นเรื่องสลักสำคัญอีกต่อไป
สมัยก่อนผู้หญิงไม่มีการศึกษาสูงมาก
ก็ต้องหาสามีที่จะดูแลชีวิตเขาได้
แต่เดี๋ยวนี้ผู้หญิงสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้

...อีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะมีแฟน มีคู่
แต่ก็ไม่หมายความว่าเราจะไม่เหงา
ถ้ามีแฟนแล้วถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ
ก็จะยิ่งเหงามาก.......
แต่ถ้าเราอยู่คนเดียว.....เรากำหนดได้

เมื่อรู้สึกเบื่อๆเซ็งๆ
ก็ออกไปหากิจกรรมที่ชอบทำ
ก็จะผ่านช่วงเวลาเหงาๆ ไปได้โดยไม่ต้องกังวลถึงผู้ใด

ความสุขในชีวิตโสดที่สำคัญมากที่สุด
คือ "ความเป็นอิสระ"
อยากทำอะไรก็ได้
ไม่ต้องมีคนมาตาม หรือหึงหวง
ต่างกันกับตอนมีแฟน ที่ต้องเอาใจใส่เขา
ทุ่มเทเวลาให้เขา
  

คนสมัยนี้มีทางเลือกมากขึ้น และยึดตัวเองเป็นหลัก
ฉะนั้น จึงมีความละเอียดรอบคอบในการเลือกคู่กันมากขึ้น
ว่า คนไหนที่เหมาะสมและเข้ากันได้มากที่สุด
สมัยก่อนอาจได้รับแรงกดดันจากครอบครัว และคนรอบข้าง
ทำให้ต้องรีบด่วนตัดสินใจมีครอบครัว
แต่สมัยนี้ทุกคนตัดสินใจด้วยตัวเอง
ฉะนั้น เราต้องค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง

ใจเย็น และไม่ต้องรีบ พยายามหาคนที่ดีที่สุดเข้าหาตัวเอง
อย่ารีบตัดสินใจ .....
เมื่อถึงเวลาโอกาสที่จะเจอเนื้อคู่ก็จะมาถึงเอง
เป็นชะตาชีวิตที่ฟ้าลิขิต ....
ชีวิตคู่จะได้อยู่ได้ยืดยาว....

เพราะถ้าเรามัวแต่คิดว่าอยากแต่งงานแล้ว
ไปเจอคนที่เข้ากันไม่ได้อย่างแท้จริง
ในที่สุดก็ต้องเลิกรากันไป
ความรักก็อาจไม่ยั่งยืน
เท่าคนที่เป็นคู่กันอย่างแท้จริง..